“ถ้าหิวก็ไปกินสิ” ทำไมคำพูดนี้ถึงไม่ได้ผลในผู้ป่วย โรค Anorexia

                โรค Anorexia อาหารคือสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายอย่างมาก  เพราะร่างกายของเราจะต้องดึงพลังงานจากอาหารเพื่อการดำรงชีวิตของเราและการนำไปใช้ในการทำกิจกรรมทางกายของเรา   หากวันหนึ่งเราไปเจออะไรที่บั่นทอนต่อจิตใจของเรา  ทำให้ความมั่นใจของเราลดลงจนนำไปสู่การเกิดโรคAnorexia 

โรค Anorexia หรือโรคคลั่งผอมไปในที่สุดกังวลเรื่องรูปร่างของตนเอง

หากใครได้ฟังคำสัมภาษณ์ของผู้ที่เป็นโรคAnorexia  เกิดจากภาวะ  Eating  Disorder  หรือภาวะการรับประทานอาหารผิดปกติ  จะพบว่าอุปสรรคทางจิตใจที่เป็นเรื่องใหญ่นั่นก็คือ  เขามีความกังวลในจิตใจสูงมากกว่าปกติ  เช่น  กังวลเรื่องรูปร่างของตนเอง  กังวลว่าอนาคตจะไม่มีคนชอบตัวเราเลย  กังวลว่าเราจะไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจกังวลว่าการกินคือเรื่องที่น่ากลัว  จะไม่สามารถทำตามคำสั่งทันทีทันใด  ณ  ตรงนั้นได้  ซึ่งจะไม่ได้ผลถ้าหากจะช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรคAnorexiaให้กลับมากินตามปกติได้ด้วยการสั่งให้เขากลับไปกิน

เพราะอะไรถึงไม่ได้…แล้วเราจะช่วยเขายังไง

• ถ้าจะให้พูดไปว่า “ถ้าหิวก็ไปกินสิ”  ไม่สามารถทำได้  เพราะโรค  Anorexia  เป็นโรคความผิดปกติในจิตใจเหมือนกับโรคซึมเศร้านี่แหล่ะ การที่บอกไปเช่นนั้นจึงไม่ต่างอะไรจากการสั่งให้ไปสวดมนต์ทั้งที่สภาพจิตใจต้องการขอความช่วยเหลือช่วยดึงฉันออกจากตรงนี้ที แต่เป็นการพูดเชิงออกคำสั่งทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือให้เขากลับมาเป็นปกติ  หรือออกจากความทุกข์ตรงนี้ได้เลย
• กลุ่มที่มีโอกาสการเกิดโรคAnorexia เป็นพิเศษ  เช่น  กลุ่มศิลปิน  ดารานักแสดง  นางแบบ  นางงาม  ซึ่งจะต้องจำกัดด้านการกินและการรักษารูปร่างอย่างมากเพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อสายงาน  นอกจากนี้ในกลุ่มนักกีฬาที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคAnorexia  มากเช่นกัน  เช่น  นักกีฬาที่แบ่งรุ่นน้ำหนัก

• ควรพาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาเพราะโรค  Anorexia  ไม่ใช่โรคความผิดปกติของการกินเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นโรคที่อันตรายทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แพทย์จะซักถามประวัติการลดน้ำหนัก การกินว่าเป็นยังไงในช่วงที่ผ่านมา  มีอาการอื่นด้วยหรือไม่  เช่น  มีภาวะบูลิเมีย  หรือมีล้วงคอให้อาเจียนเข้ามาด้วยหรือไม่  ประจำเดือนมาผิดปกติหรือไม่  น้ำหนักและส่วนสูงสัมพันธ์กันตามค่าดัชนีมวลกาย (BMI)  หรือไม่  ซึ่งจะต้องตอบตามความจริงเพื่อหาต้นตอ  สาเหตุ  และวินิจฉัยได้ทันท่วงที
• กลุ่มผู้ป่วย Anorexia  จะต้องมีนักจิตวิทยา  จิตแพทย์  แพทย์ผู้ทำการรักษา  และนักโภชนาการช่วยเหลือร่วมกันเพื่อให้กลับมามีรูปร่างดีแบบสมส่วนขึ้น  กลับมาทานอาหารได้ตามปกติ  ไม่ต้องกังวลว่ากินแล้วจะเป็นเรื่องร้ายแรง  หากเป็นในเด็กจะมีกุมารแพทย์  จิตวิทยาเด็กและวัยรุ่นเข้าช่วยด้วย  เพื่อให้สามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว

สามารถกดติดตาม วิธีดูแลตัวเอง และการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรค เคล็ดลับดี ๆ การเพิ่มน้ำหนัก ด้วยวิธีธรรมชาติ เพื่อให้มีรูปร่างที่สวยงาม ไม่ยากอย่างที่คิด